อาจารย์จีรวุฒ ล้วนกลิ่นหอม
คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์
คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์
มนุษย์เราเกิดมาทุกคนต่างปรารถนาต้องการพบกับ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่ในความเป็นจริงของมนุษย์เมื่อได้พบกับสิ่งที่ปรารถนาแล้วก็ต้องเตรียมพบกับสิ่งที่ไม่ปรารถนาด้วยเช่นกัน ได้แก่ความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ชีวิตมนุษย์ทุกคนต้องพบเจอไม่ช้าก็เร็ว เราควรมีสติปัญญาที่จะเข้าใจว่า โลกธรรมแปด คือ ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา ทุกข์ สุข เป็นอนิจจังไม่แน่นอน ได้มาก็ไม่ควรหลงเพลิดเพลิน เมื่อเสียไปก็ให้เข้าใจ ทำใจยอมรับได้ เมื่อเรารู้เท่าทันสิ่งเหล่านี้แล้ว ชีวิตก็จะได้พบกับความสุขแท้ได้ไม่ยาก ดังคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงสอนสาวกทั้งหลายว่า “ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม การได้ลาภ ได้ยศ สรรเสริญ สุข ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ ไม่ใช่ความสุขที่แท้ ”หลายๆคนคงอยากรู้แล้วว่าความสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร อยู่ที่ใด จะหาได้จากที่ไหน สำหรับชีวิตของผมเองก็ตามหาอยู่เช่นกัน บางครั้งก็รู้สึกว่าเหมือนอยู่ใกล้ๆ ตัวเราแล้ว แต่ทำไมบางครั้งก็รู้สึกว่าเรายังคว้ามาไม่ได้สักที จนได้มีโอกาสเข้าร่วมปฏิบัติธรรม รุ่นที่ 1 ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ณ วัดสุนันทวนาราม จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 25-29 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา ทำให้ผมเข้าใจว่าความสุขที่ตามหานั้นจริงๆ แล้วไม่ได้อยู่ที่ไหนไกลเลย แค่เรารู้จักการกำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างมีสติ ที่เรียกว่า อานาปานสติ แค่นี้เราก็จะได้พบกับความสุขแท้ ที่ไม่ต้องไปหาจากที่ไหนไกล
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ได้นำหลักคำสอนในพระพุทธศาสนามาสอนได้อย่างน่าสนใจทำให้ผมเข้าใจชีวิตมนุษย์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ที่เรียกว่า อริยสัจ 4 ประกอบด้วย ทุกข์ (ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ) สมุทัย (เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์) นิโรธ (ความดับทุกข์) มรรค (ทางปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์) ที่มนุษย์ควรศึกษาให้เกิดปัญญารู้แจ้งในความเป็นจริงของชีวิต เพราะเป้าหมายสำคัญของพระพุทธศาสนานั้น เพื่อความดับแห่งทุกข์ตามอริยมรรคมีองค์ 8 หรือที่สรุปย่อเป็น “ ไตรสิกขา ” ประกอบด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะเมื่อเรามี ศีล สมาธิ ปัญญา แล้ว อานิสงส์ของศีล คือ ความสุข อานิสงส์ของสมาธิ คือ ความสุขยิ่งขึ้น อานิสงส์ของปัญญา คือ ความสุขสูงสุด
ทีนี้เราคงทราบวิธีที่จะพบกับความสุขแล้วใช่ไหมครับ เริ่มต้นด้วยหยุดทำความชั่วแล้ว ตั้งมั่นอยู่ในศีล 5 ปฏิบัติภาวนาจนเกิดวิปัสสนาปัญญา ซึ่งตรงกับคำสอนที่ว่า “ นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง - ความสุขยิ่งกว่าความสงบไม่มี ” จิตที่มีความยึดติด คือ จิตที่เป็นทุกข์ จิตที่ไม่มีความยึดติด คือ จิตที่เป็นอิสระ เป็นสุขอย่างยิ่ง นี้แหละครับ คือ ความสุขสูงสุดแท้ ที่น่าตามหาจริงไหมครับทุกคน
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ได้นำหลักคำสอนในพระพุทธศาสนามาสอนได้อย่างน่าสนใจทำให้ผมเข้าใจชีวิตมนุษย์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ที่เรียกว่า อริยสัจ 4 ประกอบด้วย ทุกข์ (ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ) สมุทัย (เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์) นิโรธ (ความดับทุกข์) มรรค (ทางปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์) ที่มนุษย์ควรศึกษาให้เกิดปัญญารู้แจ้งในความเป็นจริงของชีวิต เพราะเป้าหมายสำคัญของพระพุทธศาสนานั้น เพื่อความดับแห่งทุกข์ตามอริยมรรคมีองค์ 8 หรือที่สรุปย่อเป็น “ ไตรสิกขา ” ประกอบด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะเมื่อเรามี ศีล สมาธิ ปัญญา แล้ว อานิสงส์ของศีล คือ ความสุข อานิสงส์ของสมาธิ คือ ความสุขยิ่งขึ้น อานิสงส์ของปัญญา คือ ความสุขสูงสุด
ทีนี้เราคงทราบวิธีที่จะพบกับความสุขแล้วใช่ไหมครับ เริ่มต้นด้วยหยุดทำความชั่วแล้ว ตั้งมั่นอยู่ในศีล 5 ปฏิบัติภาวนาจนเกิดวิปัสสนาปัญญา ซึ่งตรงกับคำสอนที่ว่า “ นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง - ความสุขยิ่งกว่าความสงบไม่มี ” จิตที่มีความยึดติด คือ จิตที่เป็นทุกข์ จิตที่ไม่มีความยึดติด คือ จิตที่เป็นอิสระ เป็นสุขอย่างยิ่ง นี้แหละครับ คือ ความสุขสูงสุดแท้ ที่น่าตามหาจริงไหมครับทุกคน